ทำความรู้จักกับ Jbolt, Lbolt, Anchor bolt, Ubolt ให้มากขึ้น ก่อนนำไปใช้งาน
สลักเกลียว (Anchor Bolt) ที่ใช้ยึดโครงสร้างพร้อมปูนหรือคอนกรีต เป็นส่วนสำคัญในการสร้างฐานรากที่มั่นคงและปลอดภัยสำหรับโครงสร้างต่างๆ เช่น เสาอาคาร, โครงหลังคา, แผงโซลาร์เซลล์ หรือเครื่องจักรขนาดใหญ่
ประเภทของสลักเกลียวที่นิยมใช้กับปูนหรือคอนกรีต:
- L Bolt (สลักเกลียวตัว L)
- ลักษณะ: ปลายโบลต์มีรูปตัว L
- การใช้งาน: ฝังในปูนเพื่อป้องกันการหลุดจากแรงดึงหรือน้ำหนักที่โครงสร้างถ่ายลงฐานราก
- เหมาะสำหรับ: เสาไฟ, เสาโครงสร้างอาคาร, โครงเหล็กขนาดใหญ่
- J Bolt (สลักเกลียวตัว J)
- ลักษณะ: ปลายโบลต์มีรูปตัว J
- การใช้งาน: ลักษณะคล้าย L bolt แต่เหมาะกับโครงสร้างที่ต้องการการล็อกเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
- Straight Anchor Bolt หรือ Ibolt (สลักเกลียวตรง)
- ลักษณะ: เป็นแกนเหล็กตรงที่มีเกลียวสำหรับขันน็อต
- การใช้งาน: ใช้คู่กับแผ่นเพลตหรือพุกเคมีสำหรับยึดในคอนกรีต
- เหมาะสำหรับ: งานโครงสร้างทั่วไปที่ต้องการความเรียบง่าย
- Chemical Anchor Bolt (สลักเกลียวพร้อมพุกเคมี)
- ลักษณะ: ใช้สารเคมีชนิดพิเศษ (resin) ร่วมกับสลักเกลียว
- การใช้งาน: ใช้ฝังสลักเกลียวในปูนหรือคอนกรีตที่เซตตัวแล้ว
- เหมาะสำหรับ: งานซ่อมแซม, การติดตั้งโครงสร้างใหม่ในฐานรากเดิม
- Expansion Anchor Bolt (สลักเกลียวแบบขยายตัว)
- ลักษณะ: มีปลอกโลหะที่ขยายตัวเมื่อติดตั้ง
- การใช้งาน: ยึดในปูนหรือคอนกรีตสำเร็จรูปโดยไม่ต้องเทปูนใหม่
- เหมาะสำหรับ: งานที่ต้องการติดตั้งอย่างรวดเร็ว
- U Bolt (สลักเกลียวตัวยู)
- ลักษณะ: มีลักษณะเป็นตัวยู ใช้ยึดโครงสร้างทรงกลม เช่น ท่อหรือเสา
- การใช้งาน: ใช้ยึดกับฐานที่เป็นปูนหรือคอนกรีต
ปัจจัยในการเลือกสลักเกลียวสำหรับปูนหรือคอนกรีต:
ความแข็งแรงของโครงสร้าง
เลือกวัสดุที่ทำจากเหล็กโดยสามารถใช้เหล็กทั้งเหล็กเพลาดำ เพลาขาว เหล็กเส้น หรือ เหล็กข้ออ้อย โดยก่อนใช้งานทุกครั้ง วิศวกรต้องคำนวณการรับแรงให้เหมาะกับแต่ละโครงสร้างที่จะสร้าง เพื่อให้เกิดความแข็งแรง ปลอดภัย
เหล็กเพลา (Carbon Steel Round Bar) แบ่งเป็น เหล็กเพลาดำ เหล็กเพลาขาว มีข้อแตกต่างกันดังนี้
เหล็กเพลาดำ และ เหล็กเพลาขาว เป็นเหล็กประเภทเพลา (Shaft Steel) ที่นิยมนำมาใช้งานในอุตสาหกรรมและงานก่อสร้าง แต่มีคุณสมบัติและลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนี้:
เหล็กเพลาดำ (Black Steel Round Bar)
ลักษณะ:
-
-
- มีพื้นผิวภายนอก สีดำด้าน ซึ่งเกิดจากคราบออกไซด์ที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการรีดร้อน (Hot Rolled Process)
- ผิวภายนอกไม่เรียบเนียน อาจมีรอยขรุขระหรือคราบสนิมเบา ๆ เกาะอยู่
-
คุณสมบัติ:
-
-
- ความแข็งแรง: มีความแข็งแรงดี รองรับแรงกระแทกและแรงกดได้ดี
- ความแม่นยำ: มีความคลาดเคลื่อนในขนาด (Tolerance) สูงกว่าเพลาขาว ทำให้ไม่ได้เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง
- ราคา: ราคาถูกกว่าเพลาขาว เนื่องจากผ่านกระบวนการผลิตที่ง่ายกว่า
-
การใช้งาน:
-
-
- เหมาะสำหรับงานทั่วไปที่ไม่ต้องการความละเอียดในขนาด เช่น
- ทำชิ้นส่วนเครื่องจักร
- งานโครงสร้างที่ไม่ต้องการความละเอียดมาก
- ใช้ในงานเชื่อมหรือตัดต่อเพื่อลดต้นทุน
- เหมาะสำหรับงานทั่วไปที่ไม่ต้องการความละเอียดในขนาด เช่น
-
เหล็กเพลาขาว (Bright Steel Round Bar)
ลักษณะ:
-
-
- มีพื้นผิวภายนอก สีเงินเงา หรือเรียบเนียน เป็นผลจากกระบวนการรีดเย็น (Cold Drawn Process) หรือการเจียรผิว (Grinding) เพื่อให้มีผิวเรียบและขนาดแม่นยำ
- ผิวมีความเงางามและไม่มีคราบสนิมหรือคราบออกไซด์
-
คุณสมบัติ:
-
-
- ความแม่นยำสูง: มีค่า Tolerance ต่ำ (คลาดเคลื่อนในขนาดน้อยมาก) เหมาะกับงานที่ต้องการความละเอียด
- ผิวเรียบเนียน: สามารถนำไปใช้งานได้โดยตรงโดยไม่ต้องผ่านการตกแต่งผิวเพิ่มเติม
- ความแข็งแรง: มีความแข็งแรงพอสมควร แต่ไม่เท่ากับเพลาดำในงานที่ต้องรับแรงกระแทกสูง
- ราคา: ราคาสูงกว่าเพลาดำ เนื่องจากกระบวนการผลิตมีความซับซ้อนกว่า
-
การใช้งาน:
-
-
- เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความละเอียดและความสวยงาม เช่น
- ชิ้นส่วนเครื่องจักรที่ต้องการขนาดและความเที่ยงตรงสูง
- แกนเพลาของมอเตอร์
- งานกลึง งานเจียร หรือขึ้นรูปโลหะ
- ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์และเครื่องกล
- เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความละเอียดและความสวยงาม เช่น
-
เปรียบเทียบระหว่างเหล็กเพลาดำและเพลาขาว
คุณสมบัติ | เหล็กเพลาดำ | เหล็กเพลาขาว |
พื้นผิว | สีดำด้าน มีคราบออกไซด์ | สีเงินเงา เรียบเนียน |
กระบวนการผลิต | รีดร้อน (Hot Rolled) | รีดเย็น (Cold Drawn) |
ความแม่นยำ | ไม่แม่นยำ (Tolerance สูง) | แม่นยำ (Tolerance ต่ำ) |
ความแข็งแรง | แข็งแรงกว่าในงานหนัก | แข็งแรงปานกลาง |
ราคา | ถูกกว่า | แพงกว่า |
การใช้งาน | งานโครงสร้างทั่วไป | งานที่ต้องการความแม่นยำ |
สรุป: เลือกใช้อย่างไรดี จะเพลาดำ หรือเพลาขาวดี?
เลือกเหล็กเพลาดำ:
หากต้องการลดต้นทุนและใช้งานทั่วไป เช่น โครงสร้างหรือชิ้นส่วนที่ไม่ต้องการความละเอียด
เลือกเหล็กเพลาขาว:
หากต้องการความแม่นยำสูง สวยงาม และใช้งานที่ต้องการความเที่ยงตรง เช่น ชิ้นส่วนในงานกลึงหรือชิ้นส่วนเครื่องจักรที่มีความซับซ้อน
เหล็กเส้นก่อสร้าง (Construction Steel Round Bar) แบ่งเป็น เหล็กเส้นกลม และเหล็กข้ออ้อย ซึ่งมีข้อแตกต่างกันดังนี้
เหล็กเส้นกลม และ เหล็กข้ออ้อย เป็นวัสดุก่อสร้างที่สำคัญในงานคอนกรีตเสริมเหล็ก แต่มีลักษณะและคุณสมบัติแตกต่างกัน ซึ่งเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนี้:
เหล็กเส้นกลม (Round Bar หรือ RB)
ลักษณะ:
-
-
- เป็นเหล็กเส้นกลมเรียบ ไม่มีลาย หรือข้อยึดบนผิว
- มีพื้นผิวเรียบและเนียน
- ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางส่วนใหญ่มีตั้งแต่ 6 มม. ถึง 25 มม.
-
คุณสมบัติ:
-
-
- มี ความยืดหยุ่นสูง และสามารถดัดโค้งได้ง่าย
- ความสามารถในการยึดเกาะกับคอนกรีตน้อยกว่าเหล็กข้ออ้อย เนื่องจากผิวเรียบ
- เหมาะสำหรับงานที่ไม่ได้รับแรงมาก เช่น งานก่อสร้างขนาดเล็ก
-
การใช้งาน:
-
-
- ใช้ในงานคอนกรีตเสริมเหล็กทั่วไป เช่น งานโครงสร้างเสา งานพื้น หรือฐานรากขนาดเล็ก
- ใช้ในงานก่อสร้างบ้านพักอาศัยหรือโครงสร้างขนาดเล็กที่ไม่ต้องรับแรงมาก
-
เหล็กข้ออ้อย (Deformed Bar หรือ DB)
ลักษณะ:
-
-
- มีลักษณะเป็นเหล็กเส้นกลม แต่มีลาย หรือ ข้อยึด (Ribs) บนผิวของเหล็ก
- ลวดลายบนผิวช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะกับคอนกรีต
- มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 10 มม. ถึง 32 มม.
-
คุณสมบัติ:
-
-
- ความแข็งแรงสูงกว่า และรับแรงดึงได้มากกว่าเหล็กเส้นกลม
- มีแรงยึดเกาะกับคอนกรีตมากขึ้น เนื่องจากข้อยึดบนผิวช่วยลดการเลื่อนหลุดของเหล็กในคอนกรีต
- มักผลิตจากเหล็กกล้าชนิดพิเศษที่ทนทานต่อแรงดึงและแรงกระแทก
-
การใช้งาน:
-
-
- ใช้ในงานคอนกรีตเสริมเหล็กที่ต้องการรับแรงสูง เช่น งานเสา งานพื้น งานคาน หรือโครงสร้างอาคารขนาดใหญ่
- เหมาะสำหรับงานโครงสร้างที่ต้องรับน้ำหนักมาก เช่น สะพาน เขื่อน และอาคารสูง
-
เปรียบเทียบเหล็กเส้นกลม (RB) และเหล็กข้ออ้อย (DB)
คุณสมบัติ | เหล็กเส้นกลม (RB) | เหล็กข้ออ้อย (DB) |
ลักษณะภายนอก | ผิวเรียบ เนียน | มีลายข้อยึดบนผิว |
แรงยึดเกาะ | ยึดเกาะกับคอนกรีตน้อย | ยึดเกาะกับคอนกรีตดีมาก |
ความแข็งแรง | รับแรงได้น้อยกว่า | รับแรงได้มากกว่า |
ความยืดหยุ่น | ดัดโค้งง่าย | ดัดโค้งยากกว่า |
การใช้งาน | งานก่อสร้างขนาดเล็ก | งานโครงสร้างที่รับน้ำหนักมาก |
ราคา | ถูกกว่า | แพงกว่า |
สรุป: เลือกใช้เหล็กชนิดไหน?
- เลือกเหล็กเส้นกลม (RB):
- หากเป็นงานก่อสร้างขนาดเล็ก เช่น บ้านพักอาศัย งานพื้น หรือโครงสร้างที่ไม่ต้องการรองรับแรงมาก
- เมื่อต้องการลดต้นทุนในโครงการก่อสร้าง
- เลือกเหล็กข้ออ้อย (DB):
- หากเป็นงานโครงสร้างขนาดใหญ่ เช่น อาคารสูง สะพาน หรือโครงสร้างที่ต้องรับน้ำหนักมาก
- เมื่อต้องการเพิ่มความแข็งแรงและความปลอดภัยในงานก่อสร้าง
แล้วเลือกอะไรดีระหว่างเหล็กเพลา กับเหล็กเส้นกลม??
เหล็กเพลา และ เหล็กเส้นกลม เป็นวัสดุเหล็กที่มีลักษณะเป็นทรงกลม แต่มีคุณสมบัติและลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกัน เนื่องจากกระบวนการผลิตและมาตรฐานที่นำมาใช้แตกต่างกัน
เหล็กเพลา (Shaft Steel)
ลักษณะ:
-
-
- เป็นเหล็กกลมที่ผ่านกระบวนการ รีดเย็น (Cold Drawn Process) หรือ รีดร้อน (Hot Rolled Process)
- พื้นผิวเรียบเนียนและมีความเงางาม (โดยเฉพาะเหล็กเพลาขาว)
- ขนาดและความเที่ยงตรง (Tolerance) ของเส้นผ่านศูนย์กลางค่อนข้างแม่นยำ
-
คุณสมบัติ:
-
-
- มีความเที่ยงตรงสูง: ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางและความยาวแม่นยำเหมาะสำหรับงานที่ต้องการความละเอียด
- มีความแข็งแรง: รองรับแรงดึงและแรงกดได้ดี
- พื้นผิวเรียบ: เหมาะสำหรับงานกลึงและขึ้นรูป
-
การใช้งาน:
-
-
- ใช้ในงานที่ต้องการความละเอียดและเที่ยงตรง เช่น
- แกนเพลาสำหรับเครื่องจักร
- ชิ้นส่วนยานยนต์
- ชิ้นส่วนในอุตสาหกรรมเครื่องกล เช่น แกนหมุน มอเตอร์ และเพลาขับ
- ใช้ในงานที่ต้องการความละเอียดและเที่ยงตรง เช่น
-
เหล็กเส้นกลม (Round Bar หรือ RB)
ลักษณะ:
-
-
- เป็นเหล็กกลมที่ผ่านกระบวนการ รีดร้อน (Hot Rolled Process)
- ผิวภายนอกอาจมีคราบออกไซด์หรือไม่เรียบเนียนเท่าเหล็กเพลา
- ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางอาจมีความคลาดเคลื่อนมากกว่าเหล็กเพลา
-
คุณสมบัติ:
-
-
- ต้นทุนต่ำ: ราคาถูกกว่าเหล็กเพลา
- ความแข็งแรงปานกลาง: เหมาะกับงานที่ไม่ได้ต้องการรับแรงหรือความแม่นยำสูง
- ยืดหยุ่นและดัดง่าย: เหมาะสำหรับงานที่ไม่ต้องการความซับซ้อน
-
การใช้งาน:
-
-
- ใช้ในงานก่อสร้างทั่วไป เช่น
- งานเสริมแรงในคอนกรีต
- งานโครงสร้างขนาดเล็ก
- งานดัดโค้งสำหรับตกแต่ง
- ใช้ในงานก่อสร้างทั่วไป เช่น
-
เปรียบเทียบเหล็กเพลา และเหล็กเส้นกลม
คุณสมบัติ | เหล็กเพลา | เหล็กเส้นกลม |
กระบวนการผลิต | รีดเย็น (Cold Drawn) หรือรีดร้อน | รีดร้อน (Hot Rolled) |
พื้นผิว | เรียบเนียน (โดยเฉพาะเพลาขาว) | อาจมีคราบออกไซด์หรือไม่เรียบ |
ความเที่ยงตรง | ขนาดแม่นยำสูง (Tolerance ต่ำ) | คลาดเคลื่อนสูงกว่า |
ความแข็งแรง | แข็งแรงและทนทานกว่า | แข็งแรงปานกลาง |
ราคา | สูงกว่า | ถูกกว่า |
สรุป: เลือกใช้เหล็กแบบไหน?
เลือกเหล็กเพลา:
-
- หากงานต้องการความแม่นยำและพื้นผิวเรียบ เช่น งานกลึง งานเครื่องจักร และงานที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวหรือแรงหมุน
- เหมาะสำหรับงานในอุตสาหกรรมที่ต้องการคุณภาพสูง
เลือกเหล็กเส้นกลม:
-
- หากงานเป็นงานก่อสร้างทั่วไปที่ไม่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น งานเสริมแรงในคอนกรีตหรือโครงสร้างที่ต้องการลดต้นทุน
- น้ำหนักและแรงที่โครงสร้างถ่ายลงฐานราก
- ตรวจสอบแรงดึง (tension) และแรงเฉือน (shear) ที่โบลต์ต้องรับ
- ชนิดของฐานราก
- หากฐานรากเป็นปูนที่เซตตัวแล้ว ควรเลือกพุกเคมีหรือแบบขยายตัว
- หากฐานรากยังไม่เทปูน ควรเลือก L bolt, J bolt หรือ Ibolt
- สภาพแวดล้อม
หากอยู่ในพื้นที่ที่มีความชื้นสูงหรือใกล้ทะเล หรือต้องการเพิ่มอายุการใช้งาน ควรเลือกเคลือบสลักเกลียวโดยส่วนใหญ่จะมี 2 ประเภทดังนี้ Zinc (Electro-Galvanized) และ HDG (Hot-Dip Galvanized) เป็นกระบวนการเคลือบผิวโลหะด้วยสังกะสีเพื่อป้องกันการกัดกร่อน (Corrosion Resistance) แต่มีความแตกต่างกันในด้านกระบวนการผลิต คุณสมบัติ และการใช้งาน ดังนี้:
Zinc (Electro-Galvanized)
กระบวนการผลิต:
-
-
- ใช้ กระบวนการชุบไฟฟ้า (Electroplating) เพื่อเคลือบสังกะสีบนผิวโลหะ
- ทำในอ่างสารละลายสังกะสี และใช้กระแสไฟฟ้าเพื่อให้ชั้นสังกะสีเกาะติดกับพื้นผิว
- ชั้นเคลือบสังกะสีมีความบางมาก (โดยทั่วไป 5-15 ไมครอน)
-
คุณสมบัติ:
-
-
- พื้นผิวเรียบเนียนและสวยงาม: เนื่องจากชั้นสังกะสีบางและเคลือบได้สม่ำเสมอ
- การป้องกันการกัดกร่อนปานกลาง: ชั้นสังกะสีบางกว่า ทำให้เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่แห้งหรือลักษณะการใช้งานที่ไม่ได้เผชิญกับความชื้นหรือสภาพแวดล้อมที่รุนแรง
- ความทนต่อการขูดขีดต่ำกว่า: เนื่องจากชั้นเคลือบบางกว่า จึงเกิดรอยขีดข่วนหรือหลุดร่อนง่ายกว่า HDG
-
การใช้งาน:
-
-
- ใช้กับงานที่ต้องการความสวยงามและความประณีต เช่น
- ชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า
- อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน เช่น มือจับ หรือราวบันได
- ชิ้นส่วนรถยนต์ เช่น สกรู น็อต และชิ้นส่วนขนาดเล็ก
- ใช้กับงานที่ต้องการความสวยงามและความประณีต เช่น
-
HDG (Hot-Dip Galvanized)
กระบวนการผลิต:
-
-
- ใช้ กระบวนการชุบร้อน (Hot-Dip Galvanizing) โดยจุ่มเหล็กลงในอ่างสังกะสีหลอมเหลวที่อุณหภูมิประมาณ 450°C
- สังกะสีหลอมเหลวจะเคลือบผิวเหล็กและแทรกซึมเข้าไปในชั้นผิว เกิดเป็น ชั้นโลหะผสมระหว่างเหล็กและสังกะสี
- ชั้นเคลือบสังกะสีมีความหนากว่า (โดยทั่วไป 45-100 ไมครอน หรือมากกว่า)
-
คุณสมบัติ:
-
-
- ทนต่อการกัดกร่อนสูง: ชั้นสังกะสีหนาและมีการยึดเกาะที่แข็งแรง ทำให้ทนต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น ความชื้น น้ำเค็ม หรือสารเคมี
- ผิวเคลือบไม่เรียบเท่า Electro-Galvanized: มักมีรอยหยาบหรือเม็ดซิงค์ (Spangles) บนผิว
- ความทนทานต่อการขูดขีดสูงกว่า: เนื่องจากชั้นเคลือบหนา จึงทนต่อการใช้งานหนักได้ดีกว่า
-
การใช้งาน:
-
-
- ใช้ในงานที่ต้องการความทนทานต่อสภาพแวดล้อม เช่น
- โครงสร้างเหล็กในงานก่อสร้าง เช่น เสาไฟฟ้า หรือราวสะพาน
- อุปกรณ์ในงานอุตสาหกรรม เช่น ถังเก็บน้ำมัน หรือถังเก็บสารเคมี
- โครงสร้างที่อยู่กลางแจ้งหรือใกล้ทะเล เช่น ท่าเรือ หรือป้ายจราจร
- ใช้ในงานที่ต้องการความทนทานต่อสภาพแวดล้อม เช่น
-
เปรียบเทียบระหว่าง Zinc (Electro-Galvanized) และ HDG (Hot-Dip Galvanized)
คุณสมบัติ | Zinc (Electro-Galvanized) | HDG (Hot-Dip Galvanized) |
กระบวนการผลิต | ชุบด้วยกระแสไฟฟ้า | จุ่มในสังกะสีหลอมเหลว |
ความหนาของชั้นเคลือบ | 5-15 ไมครอน | 45-100 ไมครอน หรือมากกว่า |
พื้นผิว | เรียบเนียน สวยงาม | มีรอยหยาบ หรือเม็ดซิงค์ (Spangles) |
การป้องกันการกัดกร่อน | ปานกลาง | สูงมาก |
ความทนทานต่อการขีดข่วน | ต่ำกว่า | สูงกว่า |
ราคา | ถูกกว่า | แพงกว่า |
การใช้งาน | งานตกแต่งภายใน งานเล็ก ๆ | งานโครงสร้างขนาดใหญ่ กลางแจ้ง |
สรุป: เลือกใช้กระบวนการใด?
เลือก Zinc (Electro-Galvanized):
- หากต้องการพื้นผิวเรียบเนียนและความสวยงาม กันสนิมได้ปานกลาง
- สำหรับงานภายในหรืองานที่ไม่ต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่รุนแรง
เลือก HDG (Hot-Dip Galvanized):
- หากต้องการป้องกันการกัดกร่อนสูงสุด กันสนิมได้ดี
- สำหรับงานโครงสร้างกลางแจ้งหรือใกล้ทะเลที่เผชิญความชื้นและสารเคมี
การติดตั้งสลักเกลียวกับปูน:
- เตรียมฐานราก
- หากยังไม่ได้เทปูน ให้ติดตั้ง L bolt หรือ J bolt บนแม่แบบไม้ก่อนเทปูน
- หากเป็นปูนที่เซตตัวแล้ว ให้เจาะรูและใช้พุกเคมีหรือแบบขยายตัว
- จัดตำแหน่ง
- วัดระยะและปรับตำแหน่งของสลักเกลียวให้ตรงตามแบบแปลน
- ตรวจสอบความแน่นหนา
- หลังจากติดตั้งและเซตตัวเรียบร้อย ให้ตรวจสอบความแข็งแรงโดยการขันน็อตและตรวจแรงยึด
รูปตัวอย่าง Jbolt, Lbolt, AnchorBolt, Ibolt และ Ubolt
ผลิตด้วยเครื่องจักรทันสมัย โดยโรงงานคุณภาพ – หจก.เค.เจ.เวียงทอง

แจกฟรี!!! ตารางขนาดมาตรฐาน Jbolt



สนใจสินค้าหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อเรา
LineID : @kj1615
Tel : 089-8977284, 086-3135913, 02-4901616, 02-4901733
Facebook : facebook.com/kj1615