แบบถนนที่นิยมใช้กันในปัจจุบันมีแบบไหนบ้าง แต่ละแบบใช้งานอย่างไร

แบบถนนในงานก่อสร้าง แบ่งออกเป็นกี่ประเภท?

แบบถนน คือ แบบเหล็กที่ใช้สำหรับรองรับการเทคอนกรีตหรือวางวัสดุปูพื้นถนน เพื่อกำหนดรูปทรง ความหนา และขนาดของถนนให้ได้ตามที่ออกแบบไว้ โดยมักใช้ในขั้นตอนการก่อสร้างถนนเพื่อให้ผิวถนนเรียบ แข็งแรง และมีขนาดตามมาตรฐาน

ในกระบวนการก่อสร้างถนนโดยเฉพาะถนนคอนกรีต นิยมใช้ แบบเหล็กถนน เนื่องจากแข็งแรง ทนทาน ใช้งานซ้ำได้ และช่วยควบคุมการเทพื้นคอนกรีตให้เรียบร้อย และลดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นหน้างาน

งานก่อสร้างถนน 

ในปัจจุบันการก่อสร้างถนนมีหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับการใช้งานจริง ลักษณะของพื้นที่ และงบประมาณ โดยแบบถนน ที่พบได้บ่อย ได้แก่

• ถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก (Reinforced Concrete Road)
  ถนนประเภทนี้นิยมใช้ในเมืองหรือพื้นที่ที่มีการสัญจรหนาแน่น โครงสร้างของถนนทำจากคอนกรีตผสมเหล็กเสริม เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและรองรับน้ำหนักได้มาก นิยมใช้ แบบเหล็ก สำหรับเทคอนกรีต เช่น แบบเหล็กถนน ที่มีโครงสร้างแข็งแรง ช่วยให้ได้ระดับพื้นผิวที่เรียบ และควบคุมการเทคอนกรีตให้ได้ตามแบบ
• ถนนคอนกรีตอัดแรง (Prestressed Concrete Road)
  เป็นถนนที่ใช้แรงอัดล่วงหน้า ทำให้ทนแรงดึงจากภายนอกได้ดียิ่งขึ้น เหมาะกับถนนที่รับน้ำหนักสูง เช่น ทางด่วนหรือทางหลวงพิเศษใช้ แบบเหล็กสำเร็จรูป ร่วมกับระบบยึดคอนกรีต เพื่อความแม่นยำในการเทแบบ ลดรอยแตกร้าวในระยะยาว
• ถนนลาดยาง (Asphalt Road)
  เป็นถนนที่พบเห็นได้ทั่วไป เหมาะสำหรับถนนสายรองและในชุมชน เนื่องจากต้นทุนต่ำกว่าและซ่อมแซมง่าย แม้จะไม่ใช้แบบเหล็กในการเทพื้นโดยตรง แต่ยังมีการใช้ แบบเหล็ก ในการทำร่องคอนกรีตขอบทาง หรือบ่อพักน้ำ เพื่อความเรียบร้อยของระบบระบายน้ำ
• ถนนดินบดอัด (Compacted Soil Road)
  ถนนชั่วคราวหรือถนนภายในไซต์งาน มักใช้วิธีบดอัดดินให้แน่น โดยไม่เทคอนกรีตหรือยางมะตอย ในบางกรณีอาจใช้ แบบถนนขนาดเล็ก ในส่วนของบล็อกปูนหรือบริเวณที่ต้องการวางท่อระบายน้ำใต้ดิน

การเลือกใช้ “แบบถนน” ให้เหมาะกับงาน

การเลือกแบบถนน สำหรับทำถนนไม่ใช่แค่เรื่องขนาด แต่ควรดูเรื่องของความแข็งแรง พื้นที่ใช้งาน และความสะดวกในการติดตั้ง โดยทั่วไปจะเลือกจาก:

• ความหนาและความแข็งของแผ่นแบบ
• ขนาดแผ่นให้เหมาะกับพื้นที่ที่จะเท
• ระบบล็อกหรือประกอบที่สะดวกสำหรับช่าง
• การรีไซเคิลและใช้งานซ้ำในโครงการอื่น ๆ

แบบถนน ที่ผลิตด้วยมาตรฐานโรงงาน ช่วยลดข้อผิดพลาดหน้างาน ประหยัดเวลา และลดการสูญเสียของวัสดุ